กับดักเงินปันผล


ในฐานะที่เราเป็นนักลงทุนที่เน้นการรับรายได้จากเงินปันผลเป็นสำคัญ เราควรจะเลือกลงทุนในหุ้นที่ปันผลสูงๆแต่ไม่ค่อยขยายธุรกิจ หรือหุ้นที่ขยายตัวมากๆแต่ไม่ค่อยปันผลดี?



เราเคยคุยกันถึงเรื่องนี้ไปบ้างแล้วในบทความเก่าเกี่ยวกับความแตกต่างของ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลมากๆ กับหุ้นที่ไม่จ่ายหรือจ่ายแค่นิดเดียว (เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อราคาหุ้น)

ความแตกต่างที่ชัดเจนของหุ้นทั้งสองประเภทอยู่ที่ความพยายามในการขยายธุรกิจ หรือการเพิ่มกำไรของบริษัทให้สูงขึ้น

หากบริษัทไหนประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจ กำไรของบริษัทย่อมเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย และส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตาม

ในทางตรงกันข้าม บริษัทไหนที่ไม่มีความต้องการในการขยายธุรกิจ จะว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ กำไรของบริษัทเหล่านี้ก็จะทรงๆ หรือเติบโตไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็จะออกแนวย่ำอยู่กับที่เสียมากกว่า

เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะเป็นนักลงทุนที่เน้นการรับเงินปันผลจากหุ้นเป็นสำคัญ ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องการเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้มาก โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีทุนรอนน้อยๆในช่วงเริ่มต้น (เช่นผมเป็นต้น)

เพราะอะไร?


ผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มากนักในช่วงเริ่มต้น จะต้องเน้นในการขยายขนาดของพอร์ตโฟลิโอของตัวเองด้วยเป็นสำคัญ เพราะหากพอร์ตโฟลิโอไม่มีการเติบโต นักลงทุนก็จะได้รับเงินปันผลเท่าเดิมตลอดไป ซึ่งนั่นไม่ใช่เป้าหมายของเราในระยะยาว

การเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงๆเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึง ปัจจัยอื่นๆควบคู่ไปด้วย ก็เหมือนกับการซื้อ “ตราสารหนี้ระยะยาว” เข้ามาอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ นั่นเพราะบริษัทที่คุณลงทุนนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง แต่มีการเติบโตของกำไรที่ต่ำ การขยับขยายงานเป็นไปอย่างช้าๆ บริษัทเหล่านี้แม้จะมีความน่าเชื่อถือในเรื่องความปลอดภัยของการทำกำไร แต่ราคาหุ้นจะไม่พุ่งสูง และทำให้พอร์ตโฟลิโอของเราไม่ขยายตัวอย่างรวดเร็วตามที่เราต้องการ

ในทางกลับกัน ถ้านักลงทุนคนไหนเน้นแต่จะเพิ่มขนาดพอร์ตฯของตัวเองในช่วงเริ่มต้น โดยไม่ใส่ใจกับเงินปันผล นักลงทุนก็จะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นที่เน้นการเติบโตมากๆ ขยายงานเยอะๆ ปันผลน้อยนิดเดียว หรือไม่ปันผลเลย ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินสดมาลงทุนเพิ่มมากนัก และหากวันใดที่เกิดวิกฤติขึ้น หุ้นที่เล่นกับความคาดหวังสูงๆของนักลงทุนเช่นนี้ มักจะปรับตัวลงเร็วกว่าชาวบ้านเขาเสมอ

โดยส่วนตัวผมเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า “กับดักเงินปันผล” เพราะไม่มีทางไหนที่ถูกต้อง 100% ต่างแนวต่างก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป

สิ่งที่ผมเลือกทำก็คือ “การเดินทางสายกลาง”เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักดังกล่าว

เวลาเลือกหุ้นที่จะลงทุนผมจะเลือกหุ้นที่จ่ายเงินปันผล “พอสมควร” และผู้บริหารยังมีความพยายามในการขยายธุรกิจ “พอสมควร” ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป หุ้นที่ผมเลือกจึงไม่จำเป็นจะต้องมีสถิติอยู่ในกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูงที่ สุดในตลาดฯตลอดเวลา แต่ยังไงก็ต้องจ่ายออกมาบ้าง เพื่อผมจะได้นำเงินปันผลเหล่านั้นมาลงทุนเพิ่มเข้าไป เป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยนั่นเอง

เกณฑ์โดยคร่าวๆของผมโดยส่วนตัวก็คือ เป็นธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลประมาณ 5-7% ของราคาหุ้น และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า และมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลสูงขึ้นในอนาคตด้วย

หุ้นแบบนี้ไม่หวือหวาเป็นรถไฟเหาะตีลังกาแต่ว่าน่าสนใจครับ

จะขอเสริมสักนิดนะครับ บางครั้งการที่เราติดตามการเจริญเติบโตของกำไรและเงินปันผลนั้น เราจะต้องสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างในบริษัทด้วย รวมถึงธรรมาภิบาลของผู้บริหาร ถ้าผมจำไม่ผิดเคยมีตัวอย่างของหุ้นปันผล CEI ที่ขายพัดลมมั้ง หุ้นตัวนี้จัดเป็นหุ้นที่ปันผลดีมาตลอด แต่มีอยู่ปีหนึ่งมีการจ่ายปันผลสูงกว่าปกติอย่างมาก ทำให้กลายเป็นที่สนใจ ราคาขึ้นมาพอสมควร แต่ตอนหลังมาความแตกว่า ลูกค้ารายใหญ่จะเลิกสัญญา ผู้บริหารเลยจ่ายปันผลออกมามาก หลังจากนั้นรายได้ตกลงไปมาก และการปันผลก็ไม่ดีเหมือนเคย เหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดได้ว่า การเลือกซื้อหุ้นเพื่อการเติบโตของปันผล เราจะต้องสนใจเรื่องธรรมาภิบาลของผู้บริหาร และหมั่นคอยสังเกตความแปลกๆของการจ่ายเงินปันผลในบางครั้ง เพราะการจ่ายเงินปันผลที่มากเป็นพิเศษอาจจะเป็นปันผลครั้งสุดท้ายก็ได้

credit : Stock2morrow
กับดักเงินปันผล กับดักเงินปันผล Reviewed by boss on 23:55 Rating: 5
ขับเคลื่อนโดย Blogger.