หุ้นไทยวูบ7แสนล้าน-ปตท.โดนหนัก

พิษราคาน้ำมันดำดิ่ง กดความมั่งคั่งในตลาดหุ้นไทยหายไปร่วม 7 แสนล้าน หุ้น PTT วูบ 1.4 แสนล้าน

ดัชนีหุ้นไทยที่ดิ่งแรงหลุดจากระดับ 1,300 จุด ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ลงมาปิดที่ 1,280.92 จุด เกิดจากการที่นักลงทุนได้ขายทิ้งหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นพลังงานที่มีน้ำหนักอย่างมากต่อดัชนีตลาดหุ้น หลังจากกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน(โอเปก) ยังคงการผลิตไว้ที่ระดับเดิม ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งสุดรอบ 6 ปี และเป็นผลมาจากนักลงทุนยังคงดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก

นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชื่อดังรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ดัชนีดิ่งแรงทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ในตลาดหุ้นไทยลดความมั่งคั่งลงกว่า 7 แสนล้านบาท โดยหากนับจากสิ้นเดือน พ.ย. 2558 ดัชนีปิดที่ 1,359.70 จุด มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 12.89 ล้านล้านบาท เมื่อดัชนีลดลงมาอยู่ที่ 1,280.92 จุด เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปลงมาอยู่ที่ 12.19 ล้านล้านบาท หรือช่วง 8 วันทำการแรกของเดือน ธ.ค. (1-11 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนีลดลงไป 78.78 จุด หรือ 5.79%

นอกจากนี้ ผลจากราคาน้ำมันดิ่งลงทำให้ราคาหุ้นบริษัท ปตท. (PTT) ปรับตัวลดลงจนทำสถิติต่ำสุดรอบ 5 ปี โดยราคาลงมาซื้อขายที่ 220 บาท/หุ้น จากสิ้นเดือน พ.ย.ที่ซื้อขายอยู่ที่ 256 บาท/หุ้น หรือราคาหุ้นที่หายไป36 บาท มาร์เก็ตแคปหุ้น PTT จึงหายไป 1.02 แสนล้านบาท

ขณะที่หุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่ง PTT ถือหุ้นใหญ่และมีผลกระทบตรงจากราคาน้ำมันที่ลดลง ราคาลงมาจาก 62.52 บาท เมื่อสิ้นเดือน พ.ย.ลงมาอยู่ที่ 56 บาท เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ลดลงไป 6.25 บาท เมื่อสิ้นเดือน พ.ย.ลงมาอยู่ที่ 56 บาท เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ลดลงไป 6.25 บาท ทำให้มาร์เก็ตแคปหายไป 2.48 หมื่นล้านบาท

รายการสุดท้าย คือ หุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PTT ราคาลดลงจาก 52.75 บาท มาอยู่ที่ 48.75 บาท ลดลงไป 4 บาท มาร์เก็ตแคปหายไป 1.8 หมื่นล้านบาท ดังนั้น หากนับรวมหุ้นในเครือ PTT ทั้ง 3 บริษัท จาก 5 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะพบว่ามาร์เก็ตแคปหายไปแล้ว 1.44 แสนล้านบาท

ด้านราคาน้ำมันดิบทั่วโลกในวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าดิ่งลงแรง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์ซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ 37.93 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบไนเมกซ์ของสหรัฐ ลดลง 3.1% อยู่ที่ 35.62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มตกลงต่อเนื่องในปี 2559 เนื่องจากภาวะน้ำมันล้นตลาดจะลากไปจนเมื่ออิหล่านกลับเข้ามาเป็นผู้ผลิตน้ำมัน หลังชาติตะวันตกผ่อนคลายมาตรการ

นอกจากนี้ โอเปกยังไม่สามารถตกลงเพดานการผลิตน้ำมันได้ แต่โอเปกคาดการณ์ว่าจะผลิตอยู่ที่มากกว่าเพดานเดิมที่กำหนดเอาไว้ 30 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ราคาตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : http://www.posttoday.com/economy/stock/404661