ว่าด้วยเรื่องธุรกิจขายเคสมือถือออนไลน์ รุ่ง หรือร่วง ขอแชร์ประสบการณ์


กระทู้นี้จะแนะนำคร่าวๆจากประสบการณ์ตรงของตัวเองที่เป็นแม่ค้าขายเคสทางแฟนเพจเฟซบุ๊คนะคะ อาจจะเวิ่นเว้อหน่อย ถ้าสนใจก็อ่านเล่นๆได้ค่ะ


-เริ่มต้นมาขายเคสได้อย่างไร

หนีออกจากบ้านค่ะ 555+ จริงๆแล้วเรามีงานประจำทำซึ่งเงินเดือนดีพอสมควร ไม่ต้องหารายได้เสริมก็อยู่สบาย พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กค่ะ เราอยู่กะพ่อมาตลอด แต่ก็เจอแม่ทุกอาทิตย์ค่ะ ส่วนตัวเองก็เรียนจบและได้งานดีๆทำ เลยไม่ลำบาก จุดผกผันในชีวิตคือแม่สั่งให้ออกมาช่วยขายของที่ร้านของแม่ ซึ่งอยู่ในโรงแรม แม่บอกจะให้เงินเยอะกว่าที่ทำงาน และที่สำคัญได้ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ชีวิตไม่เป็นตามนั้น เพราะพอไปทำจริงๆ เครียดค่ะ จากแม่ค้าที่คอยห้ำๆหั่นราคา ตัดราคากันสุดฤทธิ์ จากแม่เราเองที่ไม่ฟังความเห็นเรา ไม่เคยให้กำลังใจ เราขายได้หลายหมื่น แม่บอกว่าถ้าแม่ขายเองได้มากกว่านั้น เอะอะอะไรก็โทษแต่เรา ไม่มีเหตุผล บอกว่าจะยกร้านให้คนอื่นท่าเดียว และอีกหลายอย่าง จากที่เราไม่ได้อยู่กะแม่ตั้งแต่เด็กแล้วมาเจอแม่ว่าอย่างนี้ เลยท้อใจค่ะ เลยหนีออกมาเลย ไม่สานต่อกิจการแม่ กลับมาอยู่บ้านที่พ่อยกให้ พ่อเราย้ายไปอยู่อีกบ้านที่ ตจว.ค่ะ ตอนออกมา แทบไม่มีเงินเลยค่ะ เพราะกินอยู่กะแม่เสร็จสรรพ เลยไม่ขอเงินไว้ใช้  แต่ยังมีหนี้ที่ต้องใช้คือผ่อนรถ กะผ่อนบัตรเครดิตที่รูดมาแต่งห้องที่ซื้อไว้ตอนไปอยู่กะแม่(แม่ซื้อห้องเล็กๆให้ห้องนึง) ตอนที่หนีกลับมากรุงเทพ หลังจากผ่อนหนี้รายเดือนไปบ้างแล้วก็เหลือเงินนิดเดียว เลยคิดว่าต้องหาเงิน ใช้แล้วล่ะ  ก็เลยศึกษาข้อมูลเปิดร้านในเฟซบุ๊ค ร้านแรกที่เปิดคือเสื้อผ้าผู้ชาย สูทวัยรุ่นไรงี้ ลงทุนไปหมื่นนึง ขายได้อาทิตย์นึงได้แค่ 3 ออเดอร์ เลยไม่ได้การละ ทุนก็ยังไม่ได้คืน เฮ้อ เครียดค่ะตอนนั้น ตังค์ก็จะหมด เลิกกะแฟนอีกตะหาก เพราะแม่นี่แหละ ที่ทำให้ต้องเลิก ช่วงนั้นทั้งเศร้า ทั้งไม่มีเงิน  วันนึงบังเอิญเพื่อนชวนไปซื้อเคสไอโฟน เพราะมันต้องหุ้นกันหลายคนถึงจะได้ราคาส่ง  พอไปที่ร้านส่ง คำนวณต้นทุน ราคาขายทั่วไป โอ้ววววว แรงบันดาลใจเกิดขึ้น เหลือเงินก้อนสุดท้ายประมาณ 5 พัน ก็เอาวะ ตัดสินใจจะเปิดร้านขายเคสในเพจ อีกเพจ เลยละกันควบคู่กันกะร้านขายเสื้อผู้ชาย ตอนนั้นคิดในใจ ว่ากำไรชิ้นละ50 บาทก็เอาแล้ว ไม่อยากขอพ่อค่ะ

-เริ่มทำเพจขายเคสอย่างไร

ก็ศึกษาการสร้างแฟนเพจจากในหนังสือที่วางขายทั่วไป และจากอากู๋ รูปถ่ายที่เอามาลงก็ถ่ายมาจากเคสที่ไปหุ้นๆกะเพื่อนซื้ออ่ะค่ะ แล้วก็เอาเงินทุนก้อนสุดท้ายซื้อเคสที่คิดว่าขายได้แน่ๆ อย่างน้อยก็เป็นเคสที่เพื่อนอยากจะได้แล้วก็เอาค่ารถจากเพื่อนตัวละ 30-50 บาทพอ จะได้เอากำไรมาต่อทุน  แล้วก็หารูปมาจากเวบเถาเบ้าของจีนบ้าง ที่เราดูแล้วว่าเหมือนกะที่ร้านส่งมีแน่นอน แต่ยังไม่ได้เอาของมา รอออเดอร์รวมๆกันก่อน เด๋วเอามาแล้วดันขายไม่ออก ทุนจม ได้เจ๊งอีกรอบแน่ อีกอย่างนึงร้านส่งต้องซื้อ 6 ชิ้นขึ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องรวมออเดอร์แล้วไปเอาทีเดียว ตอนนั้นยังว่างงาน บ้านไมไกลมาก สามารถไปเอาของได้ทุกวัน วันแรกของการเปิดร้าน ก็ได้ออเดอร์เลยค่ะ จำได้เลยว่าเป็นสติช 3D หูกระดิก เราเคยซื้อมา 950 ทายซิราคาส่งที่เราได้มาเท่าไหร่ ได้มา 140 บาทจ้า เราตั้งขายแค่ 190 บาท ที่เราขายถูกเพราะเราต้องการสำรวจตลาดและกำลังซื้อ  และต้องการเก็บกำไรทีละเล็กละน้อย จะได้เอากำไรมาต่อทุน ออร์เดอร์แรกได้ที่เดียว 4 ชิ้น กำไรหักค่ารถ ได้มา 150 บาท ดีใจค่อด อย่างน้อยก็ได้ค่าอาหารวันนึง  วันที่ 2  3  4 5จนครบสัปดาห์ ก็มีออเดอร์เข้ามาทุกวัน กำไรเฉลี่ยอยู่ตั้งแต่ 150-300  อิร้านขายเสื้อผู้ชายก็ยังนิ่ง ออเดอร์ไม่งอกเลย ทำใจละกะเงินหมื่นนึงที่เสียไป มาโฟกัสที่ร้านเคสดีกว่า ระหว่างนั้นก็กลับไปหาเจ้านายเก่า เพราะงานเก่าของเรามันเป็นงานเฉพาะทาง  คำแรกที่เจ้านายเจอหน้าเรา ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาทำงาน โอ้ว สวรรค์โปรด เราจะได้กลับมามีเงินเดือนละ แถมได้ต่ออายุงานที่ทำมา 3 ปีกว่าด้วย แต่ระหว่างจะกลับมาได้เงินเดือน ก็ต้องใช้เงินตัวเองเป็นค่าใช่จ่ายชีวิตประจำวันไปก่อน เราเลยจำเป็นต้องขายเคสไปก่อน

-หาลูกค้ายังไง

เราก็ต้องหาคนมากด likeกดShare ให้เราก่อนค่ะ ตั้งลิ้งร้านชื่อสั้นๆก่อน เช่น www.เฟซบุ๊ค.คอม/ชื่อร้านสั้น ๆ
เพราะถ้าไม่ตั้งชื่อ ลิ้งร้านจะยาวเหมือนเป็นไวรัส ก็จะไม่มีใครมากล้ากดให้ค่ะ พอดีเรามีเพื่อนในเฟซเยอะ พันกว่าคน เราก็จัดการส่งแมสเซจไปหาเลย ว่าช่วยกดไลค์ กดแชร์ ให้ร้านเราด้วยนะคะ ส่งไป ห้าร้อยคน ได้มาร้อยกว่าไลค์ แล้วก็เอาลิ้งร้านไปแปะตามเวบที่ให้ลงโฆษณาฟรี ในเฟซบุคเองก็มีเฟซสำหรับโฆษณา หรือไม่ก็ไปขอแลกลิ้งกะร้านอื่น เราเอาลิ้งร้านเราไปแปะร้านเค้า ให้เค้าเอาลิ้งร้านเค้ามาแปะที่แฟนเพจของเรา แลกกัน  คนข้างนอก เพื่อนของเพื่อน ก็เริ่มเข้ามาดูบ้างแระ ออร์เดอร์ ก็มีมาจนเริ่มสบายใจ พอมีเงินหมุน กล้าที่จะเอาเงินไปซื้อของ เพื่อมาถ่ายรูปเอง เริ่มสต๊อกของบ้างแล้ว และพอมีคนกด like เยอะขึ้น ก็เริ่มลงโฆษณาแบบเสียตังค์ของเฟซบุ๊คที่ขึ้นข้างๆบ้างอ่ะค่ะ

- การเก็บเงิน 

เมื่อลูกค้าคอนเฟิร์มสินค้าที่จะเอา เราจะไปเอาของไปให้ก่อน แล้วก็มาบอกยอดให้ลูกค้าโอน พอลูกค้าโอนแล้วค่อยส่งของ ข้อดีคือ มีของครบตามออเดอร์ ไม่ต้องโอนเงินคืนถ้าสินค้าไม่ครบ แต่ข้อเสีย ก็คือถ้าลูกค้าไม่ยอมโอนออเดอร์นั้นก็ลงทุนฟรี ต้องเก็บไว้เพื่อรอลูกค้าคนอื่นมาสั่งต่อ แต่ว่าบางทีจะเก็บเงินก่อนแล้วไปเอาของ ถ้าไม่มีแล้วค่อยโอนเงินคืน  ข้อเสียคือ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินคืน บางทีแอบขาดทุนนิดหน่อย สำหรับเรา ตอนเริ่มตั้งร้านสามารถไปเอาของได้ทุกวันจะรับเงินมาก่อนค่อยไปซื้อของ อันไหนจำได้ว่ามี ก็บอกมี อันไหนคลับคลาว่าไม่มีหรือหมด ก็แจ้งลูกค้าไปเลยว่าไม่มี เป็นการตัดปัญหา  แต่พอเราเริ่มมีทุน ก็ไปเอาของแล้วค่อยมาเก็บเงิน ก็สะดวกดีค่ะ ลูกค้าโอนก็แพคของส่งได้เลย อันนี้เหมาะกับพวกที่ทำงานประจำ ไม่ค่อยมีเวลาไปเอาของด้วยค่ะ ถ้ามีเวลาไปเอาของทุกวันให้ลูกค้าโอนเงินค่อยไปเอาของก็จะดีกว่า

-การตั้งราคา 

ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในร้านแล้ว ใครๆก็อยากได้ของดีราคาถูก ยิ่งเป็นสินค้าที่ขายกันเกลื่อนแบบนี้ หาซื้อไม่ยาก ราคาจะเป็นปัจจัยหลักเลยค่ะ ถ้าชิ้นไหนผลิตน้อยหายาก ก็จะตั้งราคาได้สูงหน่อย อย่างที่เกริ่นก่อนหน้า ร้านเรามีจุดขายที่ราคา แต่ละร้านต้องหาจุดยืนว่าจะขายดีไซน์แนวแปลก หรือเน้นราคา หรือเน้นบริการ ราคาที่เราตั้งขายก่อนตั้งร้าน  จะถือว่าถูกมากกกก เมื่อเทียบกะราคาท้องตลาด ก็แน่ล่ะ เราเอากำไรแค่ชิ้นละ 50บาทเองนี่ ขณะที่ร้านอื่นเอากำไรที่ 150บาท เมื่อลูกค้าเห็นว่าราคาถูกก็จะไม่ซื้อแค่ชิ้นเดียว จะซื้อหลายๆชิ้น เพื่อให้คุ้มกะค่าส่งด้วย ฉะนั้นเราก็จะได้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากของที่ลูกค้าสั่งมากขึ้น ข้อดีอีกอย่างคือเมื่อเราได้ยอดสั่งเยอะ เราไปเอาของเยอะ ไปเสนอหน้าที่ร้านส่งบ่อยๆจนเจ้าของร้านจำได้ว่าเป็นแม่ค้าแน่ๆ เค้าก็จะลดราคาลงให้อีก 10-30 บาท เราก็จะกำไรจากส่วนนั้นมากขึ้น หรือไม่ก็เอาของไม่ถึง 6 ชิ้นเค้าก็ขายส่งให้ เพราะเคยมาซื้อบ่อยๆ   ข้อเสียคือเหนื่อยมากจ้า ที่กว่าจะหาของแต่ละชิ้นให้ลูกค้าได้ครบ   มีคนบอกว่าจะขายถูกไปทำไม เพราะถ้าขายแพง ขายชิ้นนึงได้กำไรเท่ากับ 3 ชิ้น แถมไม่เหนื่อย ลงทุนน้อยกว่าด้วย  อันนั้นก็แล้วแต่เจ้าของร้านแต่ละร้านค่ะ
คนที่มีเวลาไปเอาของ ก็แนะนำว่าไม่ต้องตั้งแพงมาก จะได้มีเงินหมุนลงของใหม่ตลอด  แต่ถ้าไม่ค่อยมีเวลา ไปเอาของ ก็ขายแพงได้แต่อาจจะขายช้ากว่า แต่ก็ได้กำไรพอๆกัน  (เชื่อมั้ยว่าของแพงกว่ายังไงก็ขายได้ เพราะร้านที่ขายถูกจะโดนคนซื้อไปก่อน และของจะของหมดก่อนร้านแพง เพราะงั้นถ้าลูกค้าอยากได้ ของแพงเค้าก็ซื้อ)
ของเราเน้นขายถูก หมดเร็ว เอาของลงใหม่  กระชับ รวบรัด ฉับไว 5555  และก็จะบอกอีกอย่างว่า ของใหม่ลอตแรกราคาส่งจะยังสูงอยู่ แต่พอลอตหลังๆ ราคาส่งจะถูกลง เราก็จะได้กำไรมากขึ้น ค่ะ

-ร้านขายส่ง

แน่นอนค่ะ เสือป่าเป็นอันดับแรก ที่พ่อค้าแม่ค้าไปเอาของ ร้านส่งก็มีหลายแบบค่ะ บางร้านสินค้าเหมือนกัน แต่ราคาส่งไม่เท่ากัน  สมมติร้าน ก.มีของแบบนี้ถูกกว่า  แต่ ร้านข. แพงกว่า แต่ของอีกแบบ ร้าน ข.ดันถูกกว่า ร้านก.ดันแพงกว่า บางทีถูกกว่าแต่คุณภาพแย่ก็มี ยอมเสียเงินเพิ่มหน่อยได้ของดี ดีกว่า ลูกค้าจะได้ไม่ต้องส่งมาเปลี่ยน เพราะฉะนั้นควรสำรวจตลาดก่อนนะคะ ทำตัวให้เหมือนแม่ค้าเข้าไว้ค่ะ เพราะเค้าก็จะสไตล์คล้ายๆกันกะแพลตตินั่ม มีราคาส่งจริง ส่งหลอก 90% ของ เจ้าของร้านที่นั่นเป็นคนจีน มีโรงงานของตัวเองที่จีนโดยตรง พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ซื้อที่นั่นดีกว่า เพราะเช็คสินค้าได้ ถ้าคุณหวังจะสั่งจากเถาเบ้า หรือจากจีนโดยตรง รวมค่าส่งแล้วราคาจะพอๆกะซื้อที่เสือป่าแหละค่ะ แถมสินค้าอาจจะไม่ได้ตรงตามสเปคด้วยถ้าสั่งมาเพราะเราไม่เห็นของก่อน  เคลมไม่ได้ เช็คไม่ได้อีกตะหาก สั่งจากจีนต้องออเดอร์เป็นหมื่นเป็นแสนถึงจะคุ้มค่ะ ส่วนร้านส่งอื่นๆก็รอบๆเสือป่าค่ะ ของดีมีซ่อนอยู่รอบๆนั้นเหมือนกัน อิอิ
อีกที่นึงที่จะแนะนำ ถูกกว่าเสือป่าอีก คือแคปปิตอล ไม่ไกลจากเสือป่า เดินไปได้ แต่ลึกลับ ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวจริงที่จะรู้จัก ใครอยากไปหลังไมค์มา (ที่นี่) เด๋วเราบอกทางให้

-โปรโมชั่น, แจกรางวัล ช่วยโปรโมทร้าน

การที่จะทำให้ลูกค้าคอยเข้ามาดูร้านเราบ่อยๆ ทั้งลูกค้าใหม่ ลูกค้าเก่านั้น ต้องมีการจัดโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจเข้ามาดู มากด Like การกด like ของลูกค้า มันจะไปแสดงที่หน้าเพจเค้า ทำให้เพื่อนของลูกค้าเห็นอีกทีได้ ก็จะเข้ามาดูร้านเราบ้าง ถ้าเค้าชอบใจเค้าจะกด Like ให้ร้านเราเรื่อยๆ บางร้านก็อาจจะจัดเป็นซื้อ 3 ชิ้นราคาส่ง ลดราคาพิเศษสำหรับสินค้าบางตัว  ส่วนของเราจะเป็นโปรโมชั่นโล๊ะสต๊อกขายราคาทุน  หรือขาดทุน  มีฉลองครบรอบพันไลค์, 3พันไลค์แจกเคสฟรี เพื่อเป็นการให้ลูกค้าสนใจเข้ามาดู ถ้าเค้าอยากจะได้ของที่จะแจกเค้าจะเข้ามาดู มาแชร์ มากดไลค์  หรือไม่ก็ให้ลูกค้ามารีวีวของที่ซื้อจากร้านเราไป  ใครมารีวิวให้ก็อาจจับฉลากแจกของรางวัล การรีวิวของลูกค้าจะทำให้ร้านเราน่าเชื่อถือขึ้น ว่าเราส่งของถึงมือลูกค้า สิินค้าสวยเป็นที่พอใจ คนอื่นก็จะสั่งตามบ้าง ขอแนะนำว่าช่วงที่ทำโปรโมชั่นให้โฆษณาที่มันขึ้นข้างๆในเฟซบุ๊คด้วยค่ะ ยอมเสียวันละ 1-2 เหรียญ หรือประมาณ 30-60 บาท (ตัดบัตรเครดิต) แต่เราจะได้ลูกค้าในช่วงนั้นเพิ่มมากขึ้นด้วย ยอดจะพุ่งแบบกระโดดเลยค่ะ

-การเคลียร์ของที่ค้างสต็อก 

ไม่ว่าจะขายอะไร มันต้องมีอยู่แล้วที่ของขายไม่ออก สต็อกของไว้เยอะเกิน  กำไรก็ไปอยู่ตรงนั้นซะหมด สำหรับคนขายออนไลน์และมีเวลาว่างบ้าง สามารถนำเคสที่มีเหลือจากออเดอร์ ก็ไปเลขายตามตลาดนัด ก็จะได้เยอะอยู่ค่ะ เพราะตรงส่วนนั้นมันอาจจะเป็นกำไรที่เราควรจะได้ แต่ไม่ควรตั้งแพง เพราะจะได้ขายง่าย เอาเงินมาหมุนซื้อของใหม่มาขายในเพจ ส่วนคนที่ไม่มีเวลาก็ต้องโล๊ะในเพจนี่ล่ะค่ะ ในส่วนของเรา ของค้างสต็อกค่อนข้างเยอะ เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาลงรูป พอมีเวลาจะลง กลับไปดูที่ร้านขายส่งอีกที ของล็อตนั้นก็หมดไปแล้ว จะเอามาขายก็ยังไงอยู่ ถ้าลูกค้าหลายคนอยากได้ แต่ไม่มีให้ เดี๋ยวจะโดนว่าเอา หรือไม่ก็อย่างที่เคยบอกไป ลูกค้าสั่งของ แต่ไม่ยอมโอนตังค์ให้ ของนั้นก็ต้องโดนดองอยู่ในสต๊อก เราก็เอามาถ่ายรูปจัดโปรโมชั่นโล๊ะล้างสต๊อกเท่าทุน เลยค่ะ บางชิ้นก็ได้กำไร 20-30 บาท  แต่จริงๆแล้วในการโล๊ะสต๊อคแต่ละครั้งเราจะไปหาของที่ได้ราคาถูกที่ร้านขายส่งโล๊ะมาอีกที มาขายเพื่อทำกำไรในส่วนนั้น  เช่น มีเคสบางตัว งานสวยมาก ตกรุ่นไปแล้ว ร้านส่งขายให้เราตัวละ 30 บาท บ้าง 50 บาทบ้าง แต่เราเอามารวมในอัลบั้มโล๊ะ ตั้งราคา 120 บ้าง 150 บาทบ้าง คละกับของสต๊อกของเรา สินค้า ก็หลากหลาย เราจะได้กำไรตรงส่วนนั้นมาค่ะ บางทีลูกค้าแย่งกันเลยไอตัวที่เอามา 30 บาทอ่ะ แต่ของมันแค่ตกรุ่น ซึ่งเมื่อก่อนราคาตลาดอยู่ที่ สองสามร้อยอ่ะค่ะ โปรโมชั่นที่ว่านี้เราคิดขึ้นมาเองล้วนๆค่ะ ต้องอาศัยแทคติคบ้างกะการขายของ แหะๆ

-ขายแบบเปิดแผงตามตลาดนัดหรือออนไลน์ดีกว่ากัน

เราเคยผ่านการขายมาทั้ง 2 รูปแบบ เราชอบขายในเพจมากกว่า เพราะสบายกว่า ไม่มีค่าที่ ขายได้ทุกที่ แม้เวลาขี้ก็ทำได้ 555++(ขออภัยหากไม่สุภาพค่ะ เขียนให้คล้องจองเฉยๆ) คือบางทีเราเข้าห้องน้ำ ลูกค้ายังไลน์ วอทแอพ มาสั่งของ หรือทางเฟซบุ๊คเลย คือขายได้ทุกเวลา ข้อเสียคือลูกค้าแคนเซิลได้ตลอดเวลาเหมือนกัน หรือไม่สามารถลองเคสได้ ถ้าลูกค้าใส่ไม่ได้ก็จะขอเปลี่ยน ซึ่งเราจะขาดทุนตรงส่วนค่าส่ง เปลี่ยนของ  ของค้างสต็อคจะเยอะกว่าด้วย อีกอย่างกลุ่มลูกค้าก็จะมีแค่คนที่เล่นเฟซ เล่นเนต  ส่วนขายตามตลาดนัด ก็จะเหนื่อยค่ะ แต่จะปล่อยของได้เรื่อยๆ แบบเคสก็ไม่จำเป็นต้องเยอะกว่าขายในเพจ เพราะการตั้งแผงตามตลาด ที่มันก็ไม่ได้เยอะมาก เพราะงั้นเลือกอันสวยๆไปขายก็ขายได้ ตั้งราคาขายได้ดีกว่าด้วย ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาเห็นเค้าสามารถซื้อและลองใส่ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาโอนเงินให้ยุ่งยาก  ไม่ต้องแพคของ ส่งของที่ไปรษณีย์ การตั้งแผงจึงเหมาะกับคนที่ชอบขายสไตล์นี้ ข้อเสียคือ ต้องเสียค่าที่ มีค่าใช้จ่าย ค่ารถ อีกอย่างคือ ค่าสิขสิทธิ์ สินค้าบางตัวลิขสิทธิ์แรงมากค่ะ เช่นโดเรมอน  หมีริลัคคุมะ แรงจริง โดนที ก็โดนปรับเป็นหมื่นๆ เราถึงเข้าใจว่าทำไม ร้านขายเคสที่เป็นร้านๆ หรือตั้งแผงถึงขายแพง เพราะเค้ามีค่าที่ ค่าลิขสิทธิ์นี่เอง ร้านในห้างส่วนใหญ่จะขายตัวแท้เท่านั้น มันเลยดูแพง บางทีไปที่ร้านส่ง แล้วปิดอ่ะ ไม่ใช่อะไรนะ ปิดหลบพวกที่มาจับลิขสิทธิ์นี่ล่ะ ไปเอาของบางทีก็ไม่ได้ของ หุหุ เพราะงั้นเราขายทางเพจจึงสบายใจกว่า ตีสอง ตีสามลูกค้ายังมาตะดึ๊งๆ ในไลน์เรียกซื้อของ 555++
เรามีแอพพลิเคชั่นที่ขอแนะนำให้เจ้าของเพจทุกท่านโหลดไว้เลยนะคะ มันจะช่วยทำให้การขายของ ผ่านเฟซง่ายขึ้น มันจะแจ้งเตือนถ้ามีใครมาคอมเม้น กด like ในหน้าเพจอ่ะค่ะ ตามรูปเลย ยอดขายเราเพิ่มขึ้นเพราะเจ้าแอพนี้มีส่วนช่วยเหมือนกัน เพราะสามารถทำให้โต้ตอบกะลูกค้าตลอดเวลา ผ่านทางเพจ ถ้าใช้เฟซส่วนตัว เราจะไม่ค่อยเห็นแจ้งเตือนค่ะ

จากรูปเป็นแอพที่เจ้าของเพจควรมีไว้ค่ะ




ที่มา : http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2012/08/B12530669/B12530669.html
ว่าด้วยเรื่องธุรกิจขายเคสมือถือออนไลน์ รุ่ง หรือร่วง ขอแชร์ประสบการณ์ ว่าด้วยเรื่องธุรกิจขายเคสมือถือออนไลน์ รุ่ง หรือร่วง ขอแชร์ประสบการณ์ Reviewed by boss on 22:35 Rating: 5
ขับเคลื่อนโดย Blogger.