เมื่อ “แจ็ค หม่า” มุ่งหน้าสู่ตลาดสินค้าไทย
ในช่วงไม่กี่วันนี้เราคงได้ยินข่าวธุรกิจที่แจ็ค หม่าได้นำอาลีบาบาเข้ามาสั่นสะเทือนตลาดสินค้าไทย เพียงแค่มียอดสั่งซื้อทุเรียนเพียงอย่างเดียว แต่จำนวน 80,000 ลูกภายในเวลาแค่ 1 นาที ทำให้เรารู้สึกทึ่งไปกับการจัดการที่ทรงพลังของอาลีบาบา
ถึงแม้ว่า Alibaba จะไม่ใช่ E-Commerce เจ้าแรกที่เข้ามาแบ่งเค้กก้อนโตในไทย เพราะก่อนหน้านี้มีทั้ง Lazada, Amazon, 11street แล้วก็ Shopee แต่ดูเหมือนว่าการเข้ามาครั้งนี้ของอาลีบาบา จะเป็นผู้ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าไทยได้มากยิ่งกว่าเจ้าอื่น ๆ มากพอสมควร
หากมองผิวเผินการเข้ามาของอาลีบาบาจะทำให้มีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาในระบบมหาศาล แต่ทว่ามันก็มีผลเสียอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ตั้งแต่ผลกระทบในทางนึงที่เร่งให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมุ่งหน้าไปทางออนไลน์มากขึ้นในการซื้อสินค้า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจตามห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ร้านค้าต่าง ๆ ส่วนอีกทางนึงก็ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าคนกลางอย่างชัดเจน สำหรับกลุ่มคนที่เป็น Trader รับสินค้าจากจีนมาขายต่อในไทย การเข้ามาของอาลีบาบาทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้านั้นได้โดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าเม็ดเงินจากผู้บริโภคก็จะไปเข้ากระเป๋าพ่อค้าชาวจีนในทันที
บางคนอาจจะมองว่าค่าเท่ากัน เพราะสุดท้ายเราที่เป็นผู้บริโภคก็จ่ายเท่าเดิมอยู่ดี แต่ความจริงแล้วพ่อค้า/แม่ค้าที่จีนนั้นจะได้รับเงินแบบเต็ม ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อค้าคนกลางในไทยจะได้ส่วนต่างเพิ่ม อย่างน้อย ๆ สินค้าชิ้นนึงที่ต้นทุน 60 ขาย 110 พ่อค้าคนกลางเคยได้รับกำไรอยู่ 20-30 ต่อชิ้น ก็กลายเป็นว่าเงินในส่วนนี้หายไป แทนที่จะได้นำมาหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยโดยตรง แต่กลับหายไปโดยสิ้นเชิง เพราะผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องแคร์ Trader อีกแล้ว
ในเวลานี้เราอาจจะไม่ได้เห็นผลกระทบชัดเจนนัก แต่หลังจากนั้นประมาณ 3-4 ปี นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยเราอย่างเห็นได้ชัด พ่อค้าอาจไม่มีเวลามานั่งเล่นเกมส์ตกปลาชิลล์ ๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่พวกเขาอาจจะต้องผลิตหรือคิดค้นสินค้าขึ้นมาเอง แทนการรับของมาจากที่อื่น เพราะไม่อย่างนั้นเป็นไปได้ว่า E-Commerce จากต่างประเทศจะครองตลาดสินค้าในบ้านเราได้เกินกว่าครึ่ง และส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งในไทยอาจถึงขั้นต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้
เมื่อ “แจ็ค หม่า” มุ่งหน้าสู่ตลาดสินค้าไทย
Reviewed by boss
on
22:54
Rating: